การออกแบบ Trigger-based Marketing Campaigns ด้วย Customer Data Platform (CDP)

การออกแบบ Trigger-based Marketing Campaigns ด้วย Customer Data Platform (CDP)

การออกแบบ Trigger-based Marketing Campaigns ด้วย Customer Data Platform (CDP): เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดแบบเรียลไทม์ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและสร้าง Conversion ที่แม่นยำ

Trigger-based Marketing Campaigns คือ กลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นการส่งข้อความหรือข้อเสนอที่ตรงใจลูกค้าใน “เวลาที่เหมาะสม” โดยอาศัย “เหตุการณ์” หรือ “พฤติกรรม” ของลูกค้าเป็นตัวกำหนด เปรียบเสมือนการดักรอจังหวะที่ลูกค้าแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของเรา แล้วเข้าไปกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออย่างทันท่วงที

ตัวอย่าง “Triggers” ที่นิยมใช้:

การเข้าชมเว็บไซต์: เมื่อลูกค้าเข้าชมหน้าสินค้าหรือบริการ tertentu อาจส่งข้อความต้อนรับ หรือแนะนำโปรโมชั่นพิเศษ

การเพิ่มสินค้าในตะกร้า: แสดงให้เห็นถึงความสนใจในสินค้า แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ อาจส่งข้อความเตือน หรือเสนอส่วนลดพิเศษเพื่อจูงใจ

การสมัครรับข่าวสาร: ลูกค้าต้องการรับข้อมูลข่าวสารจากแบรนด์ อาจส่งอีเมลแนะนำสินค้าใหม่ บทความที่น่าสนใจ หรือโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก

การทิ้งสินค้าในตะกร้า: ลูกค้าเพิ่มสินค้าในตะกร้าแล้ว แต่ไม่ดำเนินการต่อ อาจส่งอีเมลเตือน พร้อมกับข้อความกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เช่น ส่วนลดค่าจัดส่ง หรือของแถมพิเศษ

วันเกิด: ส่งข้อความอวยพรวันเกิดพร้อมมอบส่วนลดพิเศษ สร้างความประทับใจและความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้า

ประวัติการซื้อ: วิเคราะห์สินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ เพื่อแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจ

ข้อดีของ Trigger-based Marketing:

ส่งข้อความตรงใจ: เนื่องจากข้อความถูกส่งตามพฤติกรรมของลูกค้า จึงมีความเกี่ยวข้องและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากกว่า

เพิ่มโอกาสในการขาย: การส่งข้อความในเวลาที่เหมาะสม ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: การส่งข้อความที่เป็นประโยชน์ ช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจ

วัดผลได้ง่าย: สามารถติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างชัดเจน เช่น อัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิก และอัตราการซื้อ

CDP ช่วยให้การทำ Trigger-based Marketing มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น:

รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง: CDP ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกจุดสัมผัส ทำให้เห็นภาพรวมของลูกค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก: CDP ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า

สร้างกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ: CDP ช่วยแบ่งกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรม ความสนใจ และข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ส่งข้อความได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ปรับแต่งข้อความให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล: CDP ช่วยสร้างข้อความที่เป็นส่วนตัว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ

บทบาทของ CDP ใน Trigger-based Marketing

CDP หรือ Customer Data Platform มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้าง Trigger-based Marketing Campaigns ที่มีประสิทธิภาพ โดย CDP ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, โซเชียลมีเดีย, อีเมล, ระบบ CRM, จุดขาย ฯลฯ

CDP ช่วยรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าจากหลายช่องทางแบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจสามารถตรวจจับพฤติกรรมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น

  • การเข้าชมเว็บไซต์: CDP สามารถบันทึกข้อมูลว่าลูกค้าเข้าชมหน้าเพจใดบ้าง ใช้เวลาบนแต่ละหน้านานเท่าไหร่ สินค้าใดที่ลูกค้าสนใจ
  • พฤติกรรมการซื้อ: CDP บันทึกประวัติการซื้อของลูกค้า เช่น สินค้าที่ซื้อ จำนวนเงิน วันที่ซื้อ รวมถึงช่องทางการซื้อ
  • การใช้งานแอปพลิเคชัน: CDP ติดตามกิจกรรมต่างๆ ของลูกค้าบนแอปพลิเคชัน เช่น การลงทะเบียน การเข้าสู่ระบบ การค้นหาสินค้า การเพิ่มสินค้าในตะกร้า
  • การตอบสนองต่อแคมเปญ: CDP วิเคราะห์ข้อมูลการเปิดอ่านอีเมล การคลิกลิงก์ การตอบแบบสอบถาม หรือการมีส่วนร่วมกับโฆษณาออนไลน์

เมื่อ CDP รวบรวมข้อมูลเหล่านี้ได้ ธุรกิจก็สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อกำหนด “Triggers” หรือเงื่อนไขที่ใช้ในการกระตุ้น Trigger-based Marketing Campaigns เช่น

  1. เมื่อลูกค้าทิ้งสินค้าไว้ในตะกร้า: ส่งอีเมลเตือนความจำพร้อมส่วนลดพิเศษ
  2. เมื่อลูกค้าเข้าชมสินค้าบางประเภท: แสดงโฆษณาแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง
  3. เมื่อลูกค้าสมัครสมาชิก: ส่งข้อความต้อนรับพร้อมสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกใหม่
  4. เมื่อลูกค้ามีวันเกิด: ส่งคูปองส่วนลดพิเศษเป็นของขวัญวันเกิด

การตั้งค่าทริกเกอร์บนพื้นฐานของ Customer Journey

หัวใจสำคัญของ Trigger-based Marketing คือการเข้าใจ Customer Journey หรือเส้นทางการซื้อของลูกค้า เพื่อกำหนดทริกเกอร์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเคลื่อนที่ไปตาม funnel จนเกิด Conversion ในที่สุด การวางแผนทริกเกอร์ให้สอดคล้องกับ Customer Journey สามารถแบ่งเป็นขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้

  1. Awareness Stage (ขั้นตอนการรับรู้)

ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าเพิ่งเริ่มรู้จักแบรนด์หรือสินค้าของคุณ เป้าหมายคือการสร้างการรับรู้และความสนใจ ตัวอย่างทริกเกอร์ที่สามารถใช้ได้:

  • ทริกเกอร์: ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ครั้งแรก หรือ เข้าชมหน้าสินค้าเฉพาะ
  • แอคชั่น: ส่งอีเมลแนะนำแบรนด์ บทความที่เกี่ยวข้อง หรือ แคตตาล็อกสินค้า
  • ตัวอย่าง: ส่งอีเมลแนะนำสินค้าใหม่ เช่น “New Arrivals! คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว” พร้อมลิงก์ไปยังหน้าสินค้า หรือ แสดง Pop-up แนะนำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่เมื่อเข้าเว็บไซต์ครั้งแรก
  1. Consideration Stage (ขั้นตอนการพิจารณา)

ลูกค้าเริ่มแสดงความสนใจในสินค้า เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และหาข้อมูลเพิ่มเติม เป้าหมายคือการโน้มน้าวให้ลูกค้าเลือกสินค้าของคุณ

  • ทริกเกอร์: ลูกค้าเพิ่มสินค้าในตะกร้า ดูรีวิวสินค้า หรือ เปรียบเทียบสินค้า
  • แอคชั่น: ส่งอีเมลแจ้งส่วนลด โค้ดส่งฟรี หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า
  • ตัวอย่าง: ลูกค้าเพิ่ม “รองเท้าวิ่ง” ในตะกร้า แต่ยังไม่สั่งซื้อ ระบบจะส่งอีเมลแจ้งส่วนลด 10% สำหรับรองเท้าวิ่ง หรือ ส่งข้อความในแอปพลิเคชันแนะนำ “ถุงเท้าวิ่ง” ที่เข้าชุดกัน
  1. Decision Stage (ขั้นตอนการตัดสินใจ)

ลูกค้าพร้อมที่จะซื้อ แต่ อาจยังลังเลอยู่ เป้าหมายคือการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อทันที

  • ทริกเกอร์: ลูกค้าทิ้งสินค้าไว้ในตะกร้า เข้าชมหน้าชำระเงิน หรือ สินค้าใน Wishlist ใกล้หมด
  • แอคชั่น: ส่งอีเมลแจ้งเตือนสินค้าในตะกร้า ข้อเสนอพิเศษ หรือ การรับประกันสินค้า
  • ตัวอย่าง: ส่ง SMS แจ้งเตือน “สินค้าในตะกร้าของคุณกำลังจะหมดอายุ อย่าพลาดส่วนลด 15% สั่งซื้อเลยวันนี้!” หรือ แสดง Pop-up “ส่งฟรี เมื่อสั่งซื้อภายใน 1 ชั่วโมงนี้” เมื่อลูกค้าเข้าหน้าชำระเงิน

CDP ช่วยให้การออกแบบ Trigger-based Marketing มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุก Touchpoint วิเคราะห์พฤติกรรม และ สร้าง Personalized Campaign ที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการ Conversion และ สร้างยอดขายได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่างทริกเกอร์ยอดนิยมสำหรับกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

การใช้ทริกเกอร์ เป็นหัวใจสำคัญในการทำ Trigger-based Marketing Campaigns ที่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าจาก CDP เพื่อส่งข้อความที่ตรงใจในเวลาที่เหมาะสม กระตุ้นให้เกิด Conversion

ต่อไปนี้คือตัวอย่างทริกเกอร์ยอดนิยมที่ใช้กันบ่อยๆ:

  1. Abandoned Cart Trigger:
  • ปัญหา: ลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าแล้ว แต่ไม่ดำเนินการชำระเงิน
  • วิธีแก้ไข:

ส่งอีเมลเตือนความจำ: แจ้งเตือนลูกค้าว่ามีสินค้าอยู่ในตะกร้า อาจเสนอส่วนลดพิเศษหรือค่าส่งฟรีเพื่อจูงใจให้กลับมาซื้อ

ตั้งค่าโฆษณารีมาร์เก็ตติ้ง: แสดงโฆษณา Banner หรือโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย ย้ำเตือนสินค้าที่อยู่ในตะกร้า หรือสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงดูดลูกค้ากลับเข้าสู่เว็บไซต์

  • ตัวอย่าง:

“[ชื่อลูกค้า] อย่าลืมสินค้าในตะกร้าของคุณ! เรามีส่วนลดพิเศษรอคุณอยู่”

“[ชื่อสินค้า] และสินค้าอื่นๆ กำลังรอคุณอยู่ กลับมาช้อปต่อเลย!”

  1. Browsing Behavior Trigger:
  • ปัญหา: ลูกค้าสนใจสินค้าบางประเภท แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ
  • วิธีแก้ไข:

แนะนำสินค้าเพิ่มเติม: วิเคราะห์ประวัติการเข้าชม และแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจ ผ่านทางอีเมล โฆษณา หรือ Pop-up บนเว็บไซต์

เสนอส่วนลดพิเศษ: สำหรับสินค้าที่ลูกค้าเคยดู กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ

  • ตัวอย่าง:

“คุณสนใจ [ชื่อสินค้า] ใช่ไหม? เรามีสินค้าที่คล้ายกันมาแนะนำ!”

“พบกับสินค้าใหม่ในหมวดหมู่ [หมวดหมู่สินค้า] ที่คุณอาจสนใจ”

  1. Time-based Trigger:
  • ปัญหา: ต้องการรักษาลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว
  • วิธีแก้ไข:

ส่งข้อความในโอกาสพิเศษ: เช่น วันเกิด วันครบรอบการสมัครสมาชิก พร้อมมอบส่วนลด ของขวัญ หรือสิทธิพิเศษ

แจ้งเตือนกิจกรรมส่งเสริมการขาย: เช่น Flash Sale ช่วงเวลาลดราคาพิเศษ สำหรับลูกค้ากลุ่มเฉพาะ

  • ตัวอย่าง:

“สุขสันต์วันเกิด! รับส่วนลดพิเศษ [จำนวน]% สำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไป”

“ฉลองครบรอบ 1 ปี รับคะแนนสะสม [จำนวน] แต้ม”

นอกจากนี้ ยังมีทริกเกอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น:

  • การสมัครรับข่าวสาร: ส่งอีเมลต้อนรับ พร้อมแนะนำสินค้าและโปรโมชั่น
  • การซื้อสินค้าครั้งแรก: ส่งข้อความขอบคุณ และแนะนำสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • การรีวิวสินค้า: ส่งอีเมลขอบคุณสำหรับการรีวิว และอาจมอบส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งต่อไป
  • การ in-active: ส่งอีเมลกระตุ้นการกลับมาใช้งาน เช่น “คิดถึงคุณจัง! กลับมาช้อปกับเราอีกครั้ง รับส่วนลดพิเศษทันที”

การใช้ Machine Learning เพื่อปรับปรุงการตั้งค่าทริกเกอร์

ในยุคที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ การผสาน Customer Data Platform (CDP) เข้ากับ Machine Learning ถือเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพของ Trigger-based Marketing Campaigns ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อกำหนดทริกเกอร์ที่แม่นยำและส่งมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ตรงใจ

Machine Learning ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตั้งค่าทริกเกอร์ได้อย่างไร?

  • วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก: Machine Learning สามารถวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลใน CDP เพื่อค้นหารูปแบบและแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ สินค้าที่สนใจ ช่องทางการเข้าถึง และพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้เข้าใจลูกค้าแต่ละรายได้อย่างลึกซึ้ง
  • คาดการณ์พฤติกรรม: ด้วยความสามารถในการเรียนรู้จากข้อมูลในอดีต Machine Learning สามารถคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตของลูกค้าได้ เช่น ความน่าจะเป็นในการซื้อสินค้า หรือช่วงเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะยกเลิกบริการ
  • ปรับแต่งทริกเกอร์: จากข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์ Machine Learning ช่วยให้สามารถปรับแต่งทริกเกอร์ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายได้อย่างอัตโนมัติ เช่น

เวลาที่เหมาะสม: ส่งข้อความในเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะเปิดอ่านมากที่สุด

เนื้อหาที่ตรงใจ: นำเสนอสินค้าหรือโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความสนใจของลูกค้า

ช่องทางที่เข้าถึง: เลือกช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าใช้งานบ่อยที่สุด

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Machine Learning ในการตั้งค่าทริกเกอร์:

  • ส่งข้อเสนอส่วนลด: เมื่อ Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูลและพบว่าลูกค้ากำลังลังเลที่จะซื้อสินค้า ระบบสามารถส่งข้อเสนอส่วนลดพิเศษเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ทันที
  • แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง: หลังจากลูกค้าซื้อสินค้า ระบบสามารถวิเคราะห์ประวัติการซื้อและแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือสินค้าที่ลูกค้าคนอื่นๆ มักซื้อร่วมกัน เพื่อเพิ่มยอดขาย
  • ป้องกันการยกเลิกบริการ: เมื่อระบบตรวจพบสัญญาณว่าลูกค้ามีแนวโน้มจะยกเลิกบริการ เช่น การใช้งานที่ลดลง ระบบสามารถส่งข้อความแจ้งเตือน หรือมอบสิทธิพิเศษเพื่อรักษาลูกค้าไว้ได้

ข้อดีของ Trigger-based Marketing Campaigns ด้วย CDP

ลดการเสียโอกาสในการขายด้วยการส่งข้อเสนอที่เหมาะสมในเวลาที่ลูกค้าพร้อมตัดสินใจ

Trigger-based Marketing คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งข้อความการตลาดได้อย่างถูกจังหวะเวลา โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าจาก CDP เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการ ตัวอย่างเช่น

  • เมื่อลูกค้าทิ้งสินค้าไว้ในตะกร้า ระบบจะส่งอีเมลเตือนพร้อมส่วนลดพิเศษเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
  • เมื่อลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์หน้าเพจสินค้า ระบบจะแสดงโฆษณา Pop-up แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง
  • เมื่อลูกค้ามีวันเกิด ระบบจะส่งข้อความอวยพรพร้อมคูปองส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้า

ด้วยวิธีนี้ ธุรกิจจะไม่พลาดโอกาสในการขาย และสามารถปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพิ่ม ROI จากแคมเปญการตลาดด้วยการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง

CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมาย (Segmentation) ได้อย่างแม่นยำ เพื่อกำหนดกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าสูง และส่ง Trigger ที่ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น

  • ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าประเภทใด ก็จะได้รับข้อเสนอพิเศษสำหรับสินค้าประเภทนั้นๆ
  • ลูกค้าที่เปิดอ่านอีเมลบ่อยๆ ก็จะได้รับ Trigger Email เกี่ยวกับโปรโมชั่นใหม่ๆ ก่อนใคร

การมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งบประมาณทางการตลาดได้อย่างคุ้มค่า และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้มากขึ้น

สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับลูกค้าโดยการมอบประสบการณ์ที่เฉพาะบุคคล

CDP ช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง และนำมาสร้าง Customer Profile 360 องศา เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และความชอบของลูกค้าแต่ละราย ตัวอย่างเช่น

  • ระบบจะจดจำประวัติการซื้อสินค้า และแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจ
  • ระบบจะจดจำช่องทางการติดต่อที่ลูกค้าชื่นชอบ และใช้ช่องทางนั้นในการสื่อสารกับลูกค้า

การมอบประสบการณ์ที่เฉพาะบุคคล (Personalization) ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความประทับใจ และความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้า ซึ่งนำไปสู่ความภักดีในแบรนด์ (Brand Loyalty) ในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างการใช้งาน Trigger-based Marketing Campaigns อื่นๆ อีกมากมาย เช่น

  • ส่งอีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่พร้อมส่วนลดพิเศษ
  • ส่งข้อความอวยพรวันเกิดพร้อมสิทธิพิเศษ
  • แจ้งเตือนลูกค้าเมื่อสินค้าที่สนใจกลับมามีในสต็อก
  • ส่งอีเมลแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ

การเลือกใช้ Trigger และ Campaign ที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงใจ และตรงเวลา ซึ่งนำไปสู่การสร้างยอดขายและความภักดีในแบรนด์ในระยะยาว

หากคุณพร้อมที่จะยกระดับการตลาดของคุณแล้ว ลองพิจารณาใช้บริการของ SABLE CDP ที่นี่เรามีเครื่องมือและโซลูชันที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างแคมเปญที่เจาะจง และส่วนบุคคลได้มากขึ้น ทำให้คุณสามารถเข้าถึงและสื่อสารกับลูกค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะต้องการเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ หรือพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า SABLE มีทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อช่วยให้คุณก้าวไปถึงเป้าหมายเหล่านั้น 

🌟 อย่ารอช้า! ติดต่อเราวันนี้เพื่อเริ่มต้นใช้งานเครื่องมือการตลาดอัตโนมัติที่เป็นเลิศ ร่วมกับแบรนด์ชั้นนำที่เลือกใช้ SABLE เพื่อสร้างความแตกต่างและประสิทธิภาพที่ยั่งยืนในวงการตลาดของพวกเขา 

🔗คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมาย Request a demo ของเราฟรีตอนนี้!