กลยุทธ์และแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการแคมเปญการตลาดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มด้วย Customer Data Platform (CDP)
ในยุคที่การแข่งขันใน อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทวีความรุนแรงขึ้น การทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ Customer Data Platform (CDP) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวม วิเคราะห์ และนำข้อมูลลูกค้ามาใช้ เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด
CDP เปรียบเสมือนศูนย์กลางข้อมูลลูกค้า ที่รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น
- Social Media: พฤติกรรมการกดไลค์ แชร์ คอมเมนต์ การติดตามเพจหรืออินฟลูเอนเซอร์ ความสนใจในเนื้อหาประเภทต่างๆ
- เว็บไซต์: ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ สินค้าที่สนใจ พฤติกรรมการค้นหา การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
- ระบบ CRM: ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการซื้อ การติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้า การเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขาย
CDP จะนำข้อมูลเหล่านี้มารวมกัน สร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360 องศา ทำให้เห็นภาพรวมของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐาน พฤติกรรมการซื้อ ความชอบ ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงความพึงพอใจในแบรนด์
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้ธุรกิจสามารถ:
- แบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation): แบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามพฤติกรรม ความชอบ หรือคุณลักษณะเฉพาะ เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพ กลุ่มที่ชื่นชอบอาหารรสจัด กลุ่มที่นิยมสั่งอาหารออนไลน์
- ระบุความต้องการของลูกค้า: เข้าใจความต้องการ ปัญหา และสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจากแบรนด์
- คาดการณ์พฤติกรรม: วิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้า เช่น สินค้าที่น่าจะสนใจในอนาคต ช่วงเวลาที่มักจะซื้อสินค้า
ตัวอย่างการนำ CDP ไปใช้:
- ร้านกาแฟ A ใช้ CDP วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พบว่าลูกค้ากลุ่มใหญ่ นิยมสั่งกาแฟลาเต้ และมักจะซื้อครัวซองต์คู่กัน จึงจัดโปรโมชั่น “ลาเต้คู่ครัวซองต์” ในราคาพิเศษ ส่งตรงถึงลูกค้ากลุ่มนี้ผ่านแอปพลิเคชัน ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- ร้านอาหาร B ใช้ CDP แบ่งกลุ่มลูกค้าตามความถี่ในการใช้บริการ และมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าประจำ เช่น ส่วนลด สะสมแต้ม เพื่อรักษาลูกค้า และกระตุ้นยอดขาย
การสร้างแคมเปญที่เป็นส่วนตัว (Personalized Campaigns)
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจึงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ และ Personalized Campaigns คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
Customer Data Platform (CDP) ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ข้อมูลจากการซื้อขายในร้านค้า CDP จะนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผล วิเคราะห์ และสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360 องศา ทำให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และความชอบของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างลึกซึ้ง
การนำข้อมูลจาก CDP มาใช้ในการออกแบบแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมายและเป็นส่วนตัวมากขึ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้า กระตุ้นยอดขาย และสร้างความภักดีในระยะยาว ตัวอย่างเช่น
ส่งอีเมลหรือข้อความที่มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์เฉพาะ: สมมติว่าร้านกาแฟของคุณมีข้อมูลจาก CDP ว่าลูกค้ากลุ่มหนึ่งชอบสั่งลาเต้เย็นเป็นประจำ คุณสามารถส่งอีเมลแจ้งโปรโมชั่น “ซื้อ 1 แถม 1 สำหรับลาเต้เย็น” เฉพาะลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสนใจข้อเสนอนี้มากกว่าลูกค้าทั่วไป
แนะนำเมนูอาหารใหม่ที่ตรงกับความชอบของลูกค้า: ร้านอาหารของคุณอาจใช้ข้อมูลจาก CDP เพื่อวิเคราะห์ว่าลูกค้าแต่ละคนชอบอาหารประเภทใด เช่น อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารอิตาเลียน จากนั้น คุณสามารถส่งข้อความแนะนำเมนูใหม่ที่ตรงกับความชอบของลูกค้าแต่ละคนผ่านทางแอปพลิเคชัน เช่น “คุณ [ชื่อลูกค้า] พลาดไม่ได้กับเมนูใหม่! ต้มยำกุ้งสูตรโบราณ รสชาติจัดจ้านถึงใจ”
มอบส่วนลดวันเกิดให้กับลูกค้า: CDP ช่วยให้คุณทราบวันเกิดของลูกค้า คุณสามารถส่งข้อความอวยพรวันเกิดพร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง
จัดโปรแกรมสะสมแต้มที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม: คุณสามารถใช้ CDP เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการซื้อ เช่น ลูกค้าที่ซื้อสินค้าบ่อย ลูกค้าที่มียอดซื้อสูง และลูกค้าที่ไม่ได้กลับมาซื้อซ้ำ จากนั้น ออกแบบโปรแกรมสะสมแต้มที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น มอบแต้มพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าบ่อย หรือมอบส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อสูง
การทำงานร่วมกับเครื่องมือการตลาดอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ
CDP ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือโดดเดี่ยว แต่สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือการตลาดอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญให้สูงสุด เสมือนเป็นหัวใจหลักที่เชื่อมต่อข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง และส่งต่อข้อมูลเชิงลึก (insight) ไปยังเครื่องมือต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ:
- Marketing Automation: CDP สามารถส่งต่อข้อมูลลูกค้า เช่น พฤติกรรมการซื้อ ความสนใจในสินค้า ไปยังระบบ Marketing Automation เพื่อสร้าง automated workflows ที่เฉพาะเจาะจง เช่น เมื่อลูกค้าสั่งซื้อกาแฟ ระบบจะส่งอีเมลแนะนำขนมหวานที่เข้ากัน หรือส่งคูปองส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งถัดไปโดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มโอกาสในการขาย
- Data Insight Dashboard: CDP ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายแหล่ง และแสดงผลผ่าน Data Insight Dashboard ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น แผนภูมิ กราฟ ช่วยให้ marketer มองเห็นภาพรวมของลูกค้า วิเคราะห์แนวโน้ม และตัดสินใจปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- CRM (Customer Relationship Management): CDP สามารถผสานรวมกับ CRM เพื่อให้ทีมขายและทีมบริการลูกค้าเข้าถึงข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศา เช่น ประวัติการซื้อ ประวัติการติดต่อ ความพึงพอใจ ช่วยให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงจุดและ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว
- Social Media Platforms: CDP สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลจาก Social Media เช่น Facebook Instagram เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม ความสนใจ และ demographics ของลูกค้า นำไปสู่การสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ประโยชน์ของการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ:
- ส่งข้อความที่เกี่ยวข้องและทันเวลา: การผสานรวมข้อมูลลูกค้าจาก CDP ช่วยให้สามารถส่งข้อความ โปรโมชั่น และ เนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม ผ่านช่องทางที่ลูกค้าใช้งาน
- เพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ: การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจาก CDP ช่วยให้ marketer สามารถวัดผล ปรับปรุง และ เพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างต่อเนื่อง
- สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น: การทำงานร่วมกันของเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ราบรื่น เป็นส่วนตัว และ น่าประทับใจในทุกจุดสัมผัส
ตัวอย่างใน อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม:
- ร้านกาแฟ ใช้ CDP รวบรวมข้อมูลการสั่งซื้อของลูกค้า และส่งต่อข้อมูลไปยังระบบ Marketing Automation เพื่อส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเติมกาแฟ พร้อมส่วนลดพิเศษ
- แบรนด์เครื่องดื่ม ใช้ CDP วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่ชอบดื่มชาเขียว และ แสดงโฆษณา “ชาเขียวรสชาติใหม่” บน Facebook ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
การวัดผลและปรับปรุงแคมเปญ: ใช้ข้อมูลจาก CDP เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาด
ในโลกการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การวัดผลและปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่องถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ CDP ช่วยให้ธุรกิจใน อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สามารถเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างตรงจุด
การใช้ข้อมูลจาก CDP ในการวัดผลลัพธ์ของแคมเปญ
CDP ช่วยให้คุณติดตามตัวชี้วัด (Metrics) สำคัญต่างๆ ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น:
- Conversion Rate: อัตราการเปลี่ยนแปลงจากผู้เข้าชมเป็นลูกค้า เช่น จำนวนคนที่คลิกลิงก์ในอีเมลแล้วสั่งซื้อสินค้า หรือจำนวนคนที่เห็นโฆษณาบนโซเชียลมีเดียแล้วเข้ามาที่ร้าน
- Customer Lifetime Value (CLTV): มูลค่าสุทธิของรายได้ที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าหนึ่งรายตลอดช่วงเวลาที่เป็นลูกค้า CDP ช่วยวิเคราะห์ CLTV ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อให้คุณโฟกัส งบประมาณไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูงสุด
- Return on Investment (ROI): ผลตอบแทนจากการลงทุนในแคมเปญ CDP ช่วยคำนวณ ROI ของแต่ละแคมเปญ เพื่อให้คุณทราบว่าแคมเปญใดคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
- Engagement Rate: อัตราการมีส่วนร่วมของลูกค้ากับแคมเปญ เช่น จำนวนการเปิดอีเมล จำนวนการกดไลค์/แชร์โพสต์บนโซเชียลมีเดีย หรือจำนวนการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
การปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดีขึ้นด้วยข้อมูลเชิงลึก
ข้อมูลจาก CDP ไม่เพียงแต่ช่วยวัดผลลัพธ์ แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น:
- ปรับปรุงเนื้อหาและข้อเสนอ: หากพบว่าลูกค้ากลุ่มหนึ่งไม่ตอบสนองต่อแคมเปญลดราคา คุณอาจลองเสนอสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น ของแถม หรือบริการจัดส่งฟรี
- ปรับเปลี่ยนช่องทางการสื่อสาร: หากพบว่าลูกค้ากลุ่ม Millennials มีแนวโน้มเปิดอ่านอีเมลน้อย คุณอาจลองสื่อสารผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือแอปพลิเคชัน
- เพิ่มประสิทธิภาพการแบ่งกลุ่มลูกค้า: CDP ช่วยให้คุณทดสอบและปรับปรุงเกณฑ์การแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แคมเปญเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการใช้ CDP ในการวัดผลและปรับปรุงแคมเปญ
สมมติว่าร้านกาแฟ A ต้องการเพิ่มยอดขายเครื่องดื่มใหม่ จึงใช้ CDP สร้างแคมเปญส่งอีเมล เสนอส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้า หลังจากส่งอีเมล ร้านกาแฟ A ใช้ CDP ติดตามผลลัพธ์ พบว่า Conversion Rate ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่มักซื้อเครื่องดื่มในช่วงเช้า ดังนั้น ร้านกาแฟ A จึงปรับกลยุทธ์ ส่งอีเมลในช่วงเช้า พร้อมปรับข้อความให้เน้นการดื่มกาแฟเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ ผลปรากฏว่า Conversion Rate เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การรักษาลูกค้าในระยะยาวด้วย CDP: สร้างประสบการณ์เหนือระดับ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่การแข่งขันสูงลิ่ว การดึงดูดลูกค้าใหม่นั้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่การรักษาลูกค้าเดิมให้อยู่กับแบรนด์ไปนานๆ ยิ่งยากกว่า เพราะนอกจากคุณภาพของสินค้าและบริการแล้ว “ประสบการณ์” ที่ลูกค้าได้รับถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความภักดี และ Customer Data Platform (CDP) คือเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำมาออกแบบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว โดนใจ และมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัดในระยะยาว
CDP กับการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า
CDP ช่วยให้แบรนด์สามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกจุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประชากร พฤติกรรมการซื้อ ความชอบ ไลฟ์สไตล์ และประวัติการติดต่อ นำมาประมวลผลและวิเคราะห์ เพื่อสร้าง “โปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360 องศา” ที่สมบูรณ์ แบรนด์จึงมองเห็นภาพรวมของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างชัดเจน และนำข้อมูลเชิงลึกนี้มาใช้ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุด
ตัวอย่างการใช้ CDP เพื่อรักษาลูกค้า
- ส่งข้อความในเวลาที่เหมาะสม: สมมติว่าร้านกาแฟ A มีลูกค้าประจำชื่อคุณ B ซึ่งมักจะสั่งลาเต้ร้อนทุกเช้าวันจันทร์ CDP จะบันทึกข้อมูลพฤติกรรมของคุณ B และสามารถตั้งค่าให้ส่งข้อความแจ้งเตือนโปรโมชั่นลาเต้ร้อน พร้อมส่วนลดพิเศษ ในเช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณ B ต้องการ
- แนะนำสินค้าที่ตรงใจ: ร้านอาหาร C ใช้ CDP วิเคราะห์ข้อมูลการสั่งอาหารของลูกค้า และพบว่าคุณ D มักสั่งเมนูสลัดเป็นประจำ แสดงว่าคุณ D ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ร้าน C จึงส่งอีเมลแนะนำเมนูสุขภาพใหม่ๆ หรือโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับเมนูสลัด เพื่อกระตุ้นการสั่งซื้อ
- มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า VIP: CDP ช่วยแบรนด์แบ่งกลุ่มลูกค้าตามมูลค่า (Customer Lifetime Value) เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้า VIP ได้อย่าง “พิเศษ” ยิ่งขึ้น เช่น ร้านขนม E มอบส่วนลดวันเกิดให้กับลูกค้า VIP จัดส่งของขวัญสุด Exclusive หรือเชิญร่วมกิจกรรม Workshop ทำขนม
- สร้าง Loyalty Program ที่น่าสนใจ: แบรนด์สามารถใช้ CDP ออกแบบ Loyalty Program ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น สะสมแต้มแลกส่วนลด รับสิทธิพิเศษต่างๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ประโยชน์ของการใช้ CDP ในการรักษาลูกค้า
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี รู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจและใส่ใจ ความพึงพอใจก็จะเพิ่มขึ้น นำไปสู่การซื้อซ้ำและบอกต่อ
- ลดอัตราการลาออกของลูกค้า (Churn Rate): การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจไปใช้บริการแบรนด์คู่แข่ง
- สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว: CDP ช่วยให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว
- เพิ่มยอดขายและรายได้: ลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้น และกลายเป็น “ลูกค้าขาประจำ” ที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
CDP สามารถช่วยในการลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดได้อย่างไร
Customer Data Platform (CDP) สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดได้หลายวิธี:
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ:
CDP ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายแหล่งเพื่อสร้างโปรไฟล์ที่สมบูรณ์แบบ การใช้ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลดการสิ้นเปลืองงบประมาณไปกับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ
การเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาด:
CDP ช่วยให้แคมเปญการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและสร้างแคมเปญที่ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม นี่ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่ม ROI (Return on Investment) ของการตลาด
การลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน:
CDP ช่วยลดภาระงานและประหยัดทรัพยากรโดยการทำงานอัตโนมัติในบางกระบวนการ การรวมระบบข้อมูลไว้ในที่เดียวช่วยลดข้อผิดพลาดและข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ทำให้สามารถโฟกัสไปที่งานที่สำคัญมากขึ้น
การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล:
CDP มอบข้อมูลแบบเรียลไทม์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจและปรับแผนการตลาดได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด การตัดสินใจที่มีข้อมูลเป็นฐานช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนในแคมเปญที่ไม่มีประสิทธิภาพ