การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ด้วย saleforce

การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ด้วย saleforce

การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ด้วย Salesforce

ในยุคดิจิทัลที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการแข่งขันในตลาด การเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในทันทีช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อโอกาสและความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Salesforce ในฐานะแพลตฟอร์ม CRM ชั้นนำของโลก ได้นำเสนอเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ บทความนี้จะพาคุณสำรวจวิธีการใช้ Saleforce เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และวิธีการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างชาญฉลาด

การรวบรวมข้อมูลจากทุกจุดสัมผัส (Touchpoints)

การรวบรวมข้อมูลจากหลายจุดสัมผัส (Touchpoints) เป็นจุดแข็งของ Salesforce ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทางแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล การขายตรง และการบริการลูกค้า ข้อมูลเหล่านี้ช่วยสร้างภาพรวมของพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงของการเดินทางกับแบรนด์ (Customer Journey) ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกลยุทธ์และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ทันที

ตัวอย่างการรวบรวมข้อมูลจากทุกจุดสัมผัส:

  1. ข้อมูลจากเว็บไซต์
    เมื่อมีลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ธุรกิจสามารถใช้ Salesforce ในการติดตามพฤติกรรมการเข้าชม เช่น หน้าเพจที่ลูกค้าเข้าไปดู เวลาที่ใช้ในแต่ละหน้า และการกระทำที่ลูกค้าทำ เช่น การคลิกหรือการลงทะเบียน ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ว่าเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์ใดที่ลูกค้าสนใจเป็นพิเศษ และสามารถปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานได้ตามนั้น
  2. ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย
    Salesforce สามารถรวบรวมข้อมูลจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, และ Instagram เพื่อดูว่าลูกค้ามีการพูดถึงแบรนด์อย่างไรบ้าง หรือมีความสนใจต่อผลิตภัณฑ์และบริการใดเป็นพิเศษ การรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงการสื่อสารและการตลาดให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
  3. ข้อมูลจากการขายและการบริการลูกค้า
    Salesforce ช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามการสนทนาและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกจนถึงการปิดการขาย นอกจากนี้ ระบบยังสามารถรวบรวมข้อมูลจากการบริการลูกค้า เช่น คำร้องเรียนหรือคำถามที่ลูกค้าได้ส่งเข้ามา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้วิเคราะห์เพื่อพัฒนาการให้บริการและการแก้ไขปัญหาของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
  4. ข้อมูลจากอีเมลและการสื่อสารอัตโนมัติ
    Salesforce สามารถติดตามว่าอีเมลที่ส่งออกไปถึงลูกค้าได้รับการเปิดและคลิกลิงก์มากน้อยเพียงใด ซึ่งช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งเนื้อหาและการสื่อสารให้ตรงกับความสนใจและความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

ตัวอย่างกรณีศึกษา:
บริษัท A ซึ่งเป็นธุรกิจ E-commerce ใช้ Salesforce ในการรวบรวมข้อมูลจากทุกจุดสัมผัส ทำให้บริษัทสามารถเห็นว่าลูกค้าเข้าชมสินค้าบางประเภทบ่อยครั้งแต่ไม่ทำการซื้อ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากการโต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ บริษัทพบว่าลูกค้ามีความสนใจแต่ต้องการส่วนลดพิเศษ หลังจากที่บริษัทส่งอีเมลส่วนลดตรงไปยังลูกค้าเหล่านี้ ยอดขายสินค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์

การใช้ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์: Salesforce Einstein

Salesforce Einstein เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่นำพลังของ AI และ Machine Learning มาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า Salesforce Einstein สามารถช่วยคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของลูกค้าในอนาคต โดยการใช้ข้อมูลพฤติกรรมที่สะสมมา เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ การซื้อสินค้า การเปิดอ่านอีเมล และการตอบสนองต่อโปรโมชั่นต่าง ๆ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก AI จะช่วยระบุลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าเพิ่ม หรือมีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่

ตัวอย่างเช่น:
ธุรกิจ E-commerce ที่ใช้ Salesforce Einstein สามารถทำนายได้ว่าลูกค้ากลุ่มใดมีแนวโน้มจะสนใจในสินค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว โดยการวิเคราะห์ประวัติการซื้อสินค้าและการเข้าชมเว็บไซต์ของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งข้อเสนอพิเศษหรือการสื่อสารที่ปรับแต่งเฉพาะกลุ่มได้แบบอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

การระบุโอกาสในการขาย (Sales Opportunity Identification) ด้วยการประมวลผลจาก Machine Learning, Salesforce Einstein สามารถระบุโอกาสในการขายได้โดยการตรวจสอบพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความเป็นไปได้สูงในการเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นลูกค้า การวิเคราะห์นี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทีมขาย แต่ยังช่วยให้พนักงานขายสามารถมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีโอกาสสูงสุดในการปิดการขาย

ตัวอย่างเช่น:
ทีมขายในธุรกิจ B2B สามารถใช้ Einstein เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของ lead ที่มีอยู่ AI จะช่วยวิเคราะห์ว่าลูกค้ากลุ่มใดมีแนวโน้มจะพร้อมปิดการขายสูงสุด โดยพิจารณาจากข้อมูลการสื่อสารผ่านอีเมล การประชุม และข้อมูล CRM อื่น ๆ ทำให้ทีมขายสามารถจัดลำดับความสำคัญในการติดต่อลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปรับแต่งข้อเสนอให้ตรงกับพฤติกรรมลูกค้า Salesforce Einstein ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งข้อเสนอและแคมเปญการตลาดให้ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เช่น การเสนอโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าที่แสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการบางอย่าง ซึ่งทำได้โดยการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์

ตัวอย่างเช่น:
ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ที่ใช้ Salesforce Einstein สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการเข้าชมสินค้าของลูกค้า และนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมที่สุดแบบอัตโนมัติให้กับลูกค้าในทันทีที่พวกเขากำลังตัดสินใจซื้อ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนการเข้าชมเป็นการซื้อจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างรายงานและแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ใน Salesforce

หนึ่งในความสามารถสำคัญของ Salesforce คือการสร้างรายงานและแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามความพึงพอใจของลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การเข้าถึงข้อมูลทันทีที่เกิดขึ้นช่วยให้ธุรกิจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างทันเวลา ทำให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นเรื่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  1. การสร้างรายงานแบบเรียลไทม์ (Real-time Reporting)
    Salesforce ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายงานที่สะท้อนข้อมูลล่าสุดได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขาย จำนวนลูกค้าที่มีปัญหาการใช้งาน หรือการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด รายงานเหล่านี้สามารถสร้างและอัปเดตข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่จำเป็นต้องรอการอัปเดตข้อมูลจากแหล่งอื่น
    ตัวอย่าง: ธุรกิจหนึ่งใช้ Salesforce ในการติดตามยอดขายประจำวันผ่านรายงานแบบเรียลไทม์ หากพบว่ายอดขายในบางพื้นที่ต่ำกว่าที่คาด ธุรกิจสามารถปรับแผนการส่งเสริมการขายในพื้นที่นั้นได้ทันที
  2. การสร้างแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลแบบภาพรวม (Dashboard Overview)
    แดชบอร์ดใน Salesforce สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ โดยผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลจากหลายแหล่งในที่เดียว เช่น ยอดขาย การตอบรับของลูกค้า หรือความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ข้อมูลทั้งหมดนี้จะแสดงผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ
    ตัวอย่าง: ธุรกิจบริการลูกค้าอาจใช้แดชบอร์ดในการดูข้อมูลการตอบสนองของทีมบริการลูกค้า หากพบว่ามีคำร้องขอจำนวนมากในช่วงเวลาหนึ่ง แดชบอร์ดจะแสดงข้อมูลนี้ทันที ช่วยให้ผู้จัดการปรับแผนการจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างรวดเร็ว
  3. การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันทีตามข้อมูลที่ได้รับ
    การมีข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นการปรับแคมเปญการตลาด การจัดการปัญหาของลูกค้า หรือการเพิ่มยอดขาย Salesforce ช่วยให้ธุรกิจสามารถเห็นภาพรวมและข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องในทุกด้านของการดำเนินงานได้ทันที
    ตัวอย่าง: บริษัทด้านอีคอมเมิร์ซสามารถใช้แดชบอร์ดในการติดตามการเข้าชมเว็บไซต์และพฤติกรรมของลูกค้าแบบเรียลไทม์ หากพบว่ามีลูกค้าหลายรายละทิ้งตะกร้าสินค้า ทีมการตลาดสามารถปรับเปลี่ยนแคมเปญเพื่อดึงดูดลูกค้ากลับมาได้ทันที

การตัดสินใจที่แม่นยำด้วยข้อมูลที่อัปเดตทันที
ข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก Salesforce ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เนื่องจากระบบจะรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ในทันที ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ตัวอย่างการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ Salesforce ในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ ได้แก่:

  1. การปรับปรุงกระบวนการขายแบบเรียลไทม์
    ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าใน Salesforce เพื่อดูพฤติกรรมและความต้องการในขณะนั้น เช่น หากทีมขายเห็นว่าลูกค้าสนใจสินค้าในเว็บไซต์และเปิดอีเมลส่งเสริมการขายหลายครั้ง ทีมขายสามารถติดต่อไปหาลูกค้าทันทีเพื่อเสนอข้อเสนอพิเศษ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีสามารถใช้ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเพื่อเสนอแพ็กเกจอัปเกรดในเวลาที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจ
  2. การปรับแต่งการสื่อสารกับลูกค้าอย่างแม่นยำ
    ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้การสื่อสารกับลูกค้ามีความเหมาะสมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความอัตโนมัติที่สอดคล้องกับกิจกรรมของลูกค้าในปัจจุบัน เช่น หากลูกค้าทำการสอบถามเกี่ยวกับสินค้าบางรายการผ่านทางช่องทางใดช่องทางหนึ่ง Salesforce จะประมวลผลและส่งข้อมูลให้กับทีมงานเพื่อตอบกลับอย่างรวดเร็ว การนี้ช่วยให้การตัดสินใจในการตอบสนองลูกค้ามีความรวดเร็วและถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจ E-commerce ทีมบริการลูกค้าสามารถตอบคำถามและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ทันที
  3. การปรับกลยุทธ์การตลาดตามพฤติกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์
    Salesforce ยังช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ทีมการตลาดสามารถปรับกลยุทธ์การสื่อสาร การส่งเสริมการขาย หรือการนำเสนอสินค้าได้ตรงกับความต้องการ ณ ขณะนั้นมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัทสื่อสารสามารถใช้ข้อมูลจาก Salesforce เพื่อตรวจสอบว่าลูกค้าให้ความสนใจกับโปรโมชั่นใดมากที่สุด และสามารถปรับโปรโมชั่นให้ดียิ่งขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
  4. การบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
    ข้อมูลแบบเรียลไทม์ใน Salesforce ช่วยให้ทีมบริการลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ทันที เช่น ประวัติการสั่งซื้อ คำร้องขอที่ผ่านมาของลูกค้า หรือปัญหาที่พบก่อนหน้านี้ การนี้ช่วยให้ทีมสามารถให้คำแนะนำหรือแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจด้านสุขภาพสามารถใช้ Salesforce เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของลูกค้าและให้คำแนะนำหรือปรับแผนการรักษาทันที

การติดตามพฤติกรรมลูกค้าแบบต่อเนื่องด้วย Salesforce

หนึ่งในจุดเด่นของ Saleforce คือความสามารถในการติดตามพฤติกรรมของลูกค้าแบบเรียลไทม์ในทุกจุดสัมผัส (touchpoint) ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ ด้วยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ ธุรกิจสามารถปรับแต่งข้อเสนอ การสื่อสาร และการให้บริการเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายอย่างแท้จริง

  1. การติดตามพฤติกรรมบนเว็บไซต์
    Salesforce Marketing Cloud สามารถติดตามกิจกรรมของลูกค้าที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เช่น การคลิกที่ลิงก์ การดูสินค้า หรือเวลาที่ใช้บนหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้วิเคราะห์ว่า ลูกค้าสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการใดบ้าง และสามารถใช้ในการปรับแต่งข้อเสนอพิเศษที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
    ตัวอย่าง:
    ร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ Salesforce ติดตามพฤติกรรมของลูกค้า พบว่าลูกค้าหลายรายดูสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์แต่ไม่ทำการซื้อ ระบบสามารถส่งข้อเสนอพิเศษ เช่น โค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นตรงไปยังอีเมลของลูกค้าแบบเรียลไทม์ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อภายในเวลาอันสั้น
  2. การติดตามการเปิดและการตอบสนองต่ออีเมล
    ด้วย Salesforce คุณสามารถติดตามว่าอีเมลถูกเปิดเมื่อใด มีการคลิกลิงก์ภายในอีเมลหรือไม่ รวมถึงการติดตามพฤติกรรมหลังจากการเปิดอีเมล เช่น การเข้าสู่หน้าเว็บไซต์หรือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูล ข้อมูลนี้ทำให้ทีมการตลาดสามารถเข้าใจว่าลูกค้าสนใจอะไร และปรับปรุงเนื้อหาหรือส่งข้อเสนอที่เหมาะสมในขั้นตอนต่อไป
    ตัวอย่าง:
    บริษัทประกันภัยใช้ Salesforce เพื่อติดตามการเปิดอีเมลของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย พบว่าลูกค้าบางรายคลิกลิงก์ที่เกี่ยวกับแผนประกันสุขภาพเพิ่มเติม หลังจากนั้น บริษัทสามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อเสนอพิเศษเกี่ยวกับแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมเพื่อต่อยอดการสนทนาและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจสมัครได้เร็วขึ้น
  3. การตอบสนองต่อโปรโมชั่น
    Salesforce สามารถติดตามได้ว่า ลูกค้ามีการตอบสนองต่อโปรโมชั่นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการใช้คูปอง การคลิกเข้าชมรายละเอียดโปรโมชั่น หรือการทำการซื้อผ่านข้อเสนอพิเศษ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลและปรับแต่งโปรโมชั่นในแบบเรียลไทม์เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้า
    ตัวอย่าง:
    ร้านเสื้อผ้าออนไลน์ส่งโปรโมชั่นลดราคาพิเศษให้กับลูกค้าที่เคยซื้อสินค้ามาก่อนผ่านทางแอปพลิเคชัน และพบว่าลูกค้ากลุ่มหนึ่งตอบสนองต่อโปรโมชั่นโดยการคลิกดูรายละเอียดแต่ยังไม่ทำการซื้อ Salesforce สามารถแจ้งเตือนทีมการตลาดเพื่อทำการส่งข้อความแจ้งเตือนหรือข้อเสนอเพิ่มเติม เช่น การจัดส่งฟรี เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทำการสั่งซื้อในที่สุด

อย่ารอช้า ติดต่อเราวันนี้เพื่อเริ่มต้นการสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์กับ SABLE และดูว่าเราสามารถช่วยให้คุณนำพาธุรกิจของคุณไปสู่ระดับความสำเร็จใหม่ได้อย่างไร 

🌟ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ ปลดล็อกศักยภาพของการตลาดดิจิทัลของคุณกับเรา ร่วมมือกับ SABLE วันนี้ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจด้วยกลยุทธ์ที่เข้าถึงและเข้าใจลูกค้าของคุณได้อย่างแท้จริง!