การใช้พลังของเทคโนโลยี Blockchain ร่วมกับ Customer Data Platform (CDP) เพื่อการตลาด Hyper-personalized: เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเชิงลึก

การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Hyper-personalized Marketing) โดยใช้เทคโนโลยี  Blockchain ร่วมกับ CDP ได้กลายเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพกับลูกค้า การตลาดแบบเฉพาะบุคคลไม่ได้หมายถึงการปรับแต่งเนื้อหาเพียงเล็กน้อยตามข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าเท่านั้น แต่เป็นการใช้ข้อมูลที่ละเอียดและเฉพาะเจาะจงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล

 การตลาดแบบเฉพาะบุคคลหมายถึงการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ บริการ หรือการสื่อสารทางการตลาดให้ตรงกับความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละรายอย่างเฉพาะเจาะจง เทคนิคนี้ใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น ประวัติการซื้อ การเข้าชมเว็บไซต์ การมีส่วนร่วมในสื่อสังคมออนไลน์ และข้อมูลเชิงประชากร เพื่อสร้างข้อเสนอที่เหมาะสมและมีความหมายสำหรับแต่ละบุคคล

ความสำคัญของการตลาดแบบเฉพาะบุคคล

1. เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด: การนำเสนอข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรในแคมเปญที่ไม่ตรงเป้าหมาย
2. สร้างความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า: ลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของตนเองมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำและแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่น
3. เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การนำเสนอประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงสามารถเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ธุรกิจโดดเด่นจากคู่แข่ง

บทบาทของเทคโนโลยี Blockchain ในยุคดิจิทัล

เทคโนโลยี Blockchain ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายภาคส่วน ไม่เพียงแต่ในด้านการเงินหรือสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงการตลาดและธุรกิจอื่นๆ ด้วยความสามารถในการสร้างความโปร่งใส ความปลอดภัย และการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

บทบาทของ Blockchain ในยุคดิจิทัล

1. การจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัย: Blockchain ช่วยให้การเก็บและจัดการข้อมูลลูกค้าเป็นไปอย่างปลอดภัยและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ใช้ในการตลาดเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
2. การสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ: ด้วยลักษณะที่เป็นแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) และการตรวจสอบได้ (Immutable) Blockchain ช่วยสร้างความโปร่งใสในการดำเนินการทางการตลาด เช่น การติดตามแคมเปญการตลาด การจัดการสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลลูกค้า
3. การใช้ Smart Contracts ในการตลาด: Smart Contracts คือสัญญาอัจฉริยะที่ทำงานอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้บน Blockchain ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการจัดการแคมเปญการตลาด การแจกจ่ายรางวัล หรือการจัดการโปรแกรมสะสมแต้มได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน
4. การเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้า: ด้วยการใช้ Blockchain ธุรกิจสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า เช่น การให้ลูกค้ามีสิทธิ์ในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง และการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการต่างๆ
5. การป้องกันการทุจริตและการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด: Blockchain ช่วยลดโอกาสในการทุจริตและการใช้ข้อมูลลูกค้าในทางที่ผิด เนื่องจากทุกการทำธุรกรรมและการเข้าถึงข้อมูลถูกบันทึกและตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส

พื้นฐานของเทคโนโลยี Blockchain

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ Blockchain

Blockchain คือเทคโนโลยีที่เป็นฐานรากของสกุลเงินดิจิทัลเช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอเรียม (Ethereum) โดยพื้นฐานแล้ว Blockchain เป็นระบบฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Database) ที่เก็บข้อมูลในรูปแบบของบล็อก (Blocks) ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นโซ่ (Chain) ทุกบล็อกจะมีข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้หลังจากที่ถูกบันทึกลงไปแล้ว นอกจากนี้ Blockchain ยังใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (Cryptography) เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูล

หลักการทำงานของ Blockchain ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้:

1. การสร้างธุรกรรม (Transaction Creation): ผู้ใช้ทำการสร้างธุรกรรมซึ่งจะถูกส่งไปยังเครือข่าย Blockchain
2. การตรวจสอบธุรกรรม (Transaction Verification): นักขุด (Miners) หรือผู้เข้าร่วมในเครือข่ายจะตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมนั้น
3. การบันทึกธุรกรรม (Transaction Recording): ธุรกรรมที่ผ่านการตรวจสอบจะถูกบันทึกลงในบล็อกใหม่
4. การเชื่อมโยงบล็อก (Block Linking): บล็อกใหม่จะถูกเชื่อมต่อกับบล็อกก่อนหน้า ทำให้เกิดเป็นโซ่ของบล็อก
5. การกระจายข้อมูล (Data Propagation): ข้อมูลบล็อกใหม่จะถูกกระจายไปยังผู้เข้าร่วมทั้งหมดในเครือข่าย

ความโปร่งใสและการไม่สามารถแก้ไขข้อมูลย้อนหลังได้ของ Blockchain ทำให้เป็นเครื่องมือที่น่าเชื่อถือในการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การจัดการห่วงโซ่อุปทาน หรือการตลาดเชิงลึก

คุณสมบัติหลักที่ทำให้ Blockchain เป็นที่นิยม

Blockchain มีคุณสมบัติหลายประการที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมและถูกนำมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ดังนี้:

1. ความโปร่งใส (Transparency): ทุกธุรกรรมที่ถูกบันทึกใน Blockchain จะสามารถตรวจสอบได้โดยผู้เข้าร่วมในเครือข่ายทั้งหมด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการทุจริตและเพิ่มความน่าเชื่อถือ
2. ความปลอดภัย (Security): การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสและโครงสร้างแบบกระจายศูนย์ทำให้ข้อมูลใน Blockchain มีความปลอดภัยสูง ไม่สามารถถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
3. การกระจายศูนย์ (Decentralization): ไม่มีศูนย์กลางควบคุม ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
4. การไม่สามารถแก้ไขได้ (Immutability): ข้อมูลที่ถูกบันทึกใน Blockchain จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หลังจากที่ถูกบันทึก ทำให้มั่นใจได้ในความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูล
5. ความรวดเร็วและประสิทธิภาพ (Speed and Efficiency): การทำธุรกรรมบน Blockchain สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนหรือเวลานานเหมือนกับระบบดั้งเดิม
6. ความสามารถในการขยายตัว (Scalability): Blockchain สามารถรองรับการขยายตัวของข้อมูลและจำนวนผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. การใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts): Blockchain สนับสนุนการสร้างและใช้งานสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่รันอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ช่วยให้การทำธุรกรรมและกระบวนการต่าง ๆ มีความแม่นยำและประหยัดเวลา
8. การลดต้นทุน (Cost Reduction): การใช้ Blockchain ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมและการจัดการข้อมูล เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางหรือระบบภายนอก

ประโยชน์ของ Blockchain ในการตลาด Hyper-personalized

การเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในข้อมูลลูกค้า:

Blockchain ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างปลอดภัยและไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในข้อมูล ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ใช้ในการทำ Hyper-personalization นั้นถูกต้องและเป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเข้าถึงและควบคุมข้อมูลของตนเองได้ ซึ่งสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับธุรกิจ

การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าผ่านข้อมูลที่ปลอดภัยและถูกต้อง:

เมื่อข้อมูลลูกค้ามีความปลอดภัยและถูกต้อง ธุรกิจสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ Hyper-personalized ที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการ การส่งข้อเสนอพิเศษที่น่าสนใจ และการสื่อสารที่เป็นส่วนตัว ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจและมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำ

ตัวอย่างการนำ Blockchain มาใช้ในการตลาด Hyper-personalized:

• ระบบ Loyalty Program: ใช้ Blockchain เพื่อบันทึกคะแนนสะสมและรางวัลของลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและแลกคะแนนได้อย่างโปร่งใสและปลอดภัย
• การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล: ให้ลูกค้ามีสิทธิ์ในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง และอนุญาตให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะเมื่อได้รับอนุญาตเท่านั้น
• การตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า: ใช้ Blockchain เพื่อติดตามและตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อนั้นเป็นของแท้และมีคุณภาพ

การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าด้วย Blockchain

วิธีการเข้ารหัสและการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล

Blockchain มีคุณสมบัติพื้นฐานในการเข้ารหัสข้อมูลทุกชิ้นที่ถูกบันทึก ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย และไม่สามารถแก้ไขหรือลบโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ การกระจายข้อมูลไปยังหลายโหนดในเครือข่าย Blockchain ยังช่วยป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ เนื่องจากการจะแก้ไขข้อมูลได้นั้น จำเป็นต้องควบคุมโหนดส่วนใหญ่ในเครือข่าย ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก

การจัดการสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลลูกค้า

Blockchain ช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลให้กับธุรกิจหรือบุคคลที่สามได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถติดตามการใช้งานข้อมูลของตนเองได้ตลอดเวลา ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

ประโยชน์ของการใช้ Blockchain ในการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

• ความโปร่งใส: ทุกธุรกรรมบน Blockchain สามารถตรวจสอบได้ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง
• ความปลอดภัย: การเข้ารหัสและการกระจายข้อมูลช่วยป้องกันการโจมตีและการแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
• การควบคุม: ลูกค้ามีสิทธิ์ในการควบคุมและจัดการข้อมูลของตนเองได้อย่างเต็มที่
• ความน่าเชื่อถือ: Blockchain สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

การใช้ Blockchain ในการจัดการข้อมูลลูกค้าเป็นการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาด Hyper-personalized ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อลูกค้ามั่นใจว่าข้อมูลของพวกเขาจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย พวกเขาก็จะเต็มใจที่จะแบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจมากยิ่งขึ้น

การติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าด้วย Blockchain

การเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมแบบเรียลไทม์: เทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใสในแบบเรียลไทม์ ทุกการกระทำของลูกค้าบนแพลตฟอร์มที่ใช้ Blockchain จะถูกบันทึกและไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับแต่งกลยุทธ์ทางการตลาด

การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางการตลาดที่แม่นยำ: ข้อมูลพฤติกรรมที่เก็บรวบรวมผ่าน Blockchain สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและความสนใจของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจทางการตลาดได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การส่งข้อเสนอส่วนลดที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า หรือการปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล

ประโยชน์ของการใช้ Blockchain ในการติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า:

• ความปลอดภัยและความโปร่งใส: ข้อมูลที่เก็บไว้บน Blockchain มีความปลอดภัยสูงและไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์มีความถูกต้องและเชื่อถือได้
• การเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์: ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าได้ทันที ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที
• การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: การใช้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและมีความหมายสำหรับลูกค้าแต่ละคน ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีในระยะยาว

ตัวอย่างการนำไปใช้:

• ระบบสะสมแต้ม: บันทึกข้อมูลการสะสมแต้มของลูกค้าบน Blockchain เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างความโปร่งใส
• การติดตามพฤติกรรมการซื้อ: วิเคราะห์ประวัติการซื้อของลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความสนใจ
• การปรับแต่งเนื้อหา: ปรับเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละคน

การสร้างและจัดการโปรแกรมสะสมแต้ม (Loyalty Programs) บน Blockchain

การออกแบบโปรแกรมสะสมแต้มที่โปร่งใสและยุติธรรม: เทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโปรแกรมสะสมแต้มที่โปร่งใสและยุติธรรมมากขึ้น ทุกธุรกรรมและการเปลี่ยนแปลงแต้มสะสมจะถูกบันทึกบน Blockchain อย่างถาวรและตรวจสอบได้ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าแต้มสะสมของพวกเขาจะไม่ถูกแก้ไขหรือลบโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ Blockchain ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของโปรแกรมสะสมแต้มได้อย่างชัดเจนและเปิดเผย ลดความสับสนและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น

การแลกเปลี่ยนแต้มสะสมผ่านแพลตฟอร์ม Blockchain: แพลตฟอร์ม Blockchain ช่วยให้ลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนแต้มสะสมกับรางวัลหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือระบบการแลกเปลี่ยนแบบเดิม การทำธุรกรรมบน Blockchain มีความปลอดภัยและสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าการแลกเปลี่ยนแต้มสะสมของพวกเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและโปร่งใส

ประโยชน์เพิ่มเติมของการใช้ Blockchain ในโปรแกรมสะสมแต้ม:

• ความปลอดภัย: ข้อมูลและธุรกรรมบน Blockchain ได้รับการปกป้องด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัส ทำให้ยากต่อการถูกแฮ็กหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
• การกระจายอำนาจ: ไม่มีหน่วยงานกลางควบคุมข้อมูล ทำให้ลดความเสี่ยงจากการถูกควบคุมหรือการปิดระบบโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
• ความสามารถในการทำงานร่วมกัน: ธุรกิจต่างๆ สามารถเชื่อมต่อโปรแกรมสะสมแต้มของตนเข้ากับแพลตฟอร์ม Blockchain เดียวกัน ทำให้ลูกค้าสามารถสะสมและแลกเปลี่ยนแต้มสะสมได้จากหลายธุรกิจ
• การสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล: ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลบน Blockchain เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า และนำเสนอโปรแกรมสะสมแต้มและรางวัลที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล

ตัวอย่างการนำไปใช้:

• สายการบิน: ออกตั๋วเครื่องบินในรูปแบบโทเคนดิจิทัลบน Blockchain ซึ่งสามารถซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนได้ง่าย
• ร้านค้าปลีก: สร้างโปรแกรมสะสมแต้มที่ลูกค้าสามารถสะสมแต้มจากการซื้อสินค้า และแลกเปลี่ยนเป็นส่วนลดหรือสินค้าฟรี
• โรงแรม: มอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้าที่ถือครองโทเคนดิจิทัลเฉพาะ เช่น การอัพเกรดห้องพักหรือบริการพิเศษ

กรณีศึกษา: การประยุกต์ใช้ Blockchain ในการตลาด Hyper-personalized

ตัวอย่างบริษัทที่ใช้ Blockchain ประสบความสำเร็จ:

• Brave Browser: เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวนี้ใช้โทเคน Basic Attention Token (BAT) บนบล็อกเชน Ethereum เพื่อให้รางวัลแก่ผู้ใช้ที่เลือกดูโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับความสนใจของพวกเขา ผู้ใช้สามารถใช้ BAT เพื่อสนับสนุนผู้สร้างเนื้อหาที่พวกเขาชื่นชอบหรือแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นได้ นี่เป็นตัวอย่างของการใช้บล็อกเชนเพื่อสร้างระบบนิเวศโฆษณาที่โปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้และผู้ลงโฆษณา
• IBM Food Trust: แพลตฟอร์มนี้ใช้บล็อกเชนเพื่อติดตามการเดินทางของอาหารตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของอาหาร ความปลอดภัย และความยั่งยืนได้อย่างโปร่งใส แบรนด์ต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่เน้นความโปร่งใสและความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ
• Loyyal: แพลตฟอร์มความภักดีที่ใช้บล็อกเชนนี้ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างโปรแกรมรางวัลที่ปรับแต่งได้และปลอดภัย ลูกค้าสามารถสะสมและแลกคะแนนจากแบรนด์ต่างๆ ภายในเครือข่ายเดียวกันได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและดึงดูดใจให้เข้าร่วมโปรแกรม

บทเรียนที่ได้จากการนำ Blockchain มาใช้จริง:

• ความโปร่งใสและความไว้วางใจ: บล็อกเชนช่วยสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจในข้อมูลลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างประสบการณ์ Hyper-personalized ที่มีประสิทธิภาพ
• การควบคุมข้อมูล: บล็อกเชนช่วยให้ลูกค้ามีอำนาจในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
• ความปลอดภัย: บล็อกเชนมีความปลอดภัยสูง ช่วยปกป้องข้อมูลลูกค้าจากการถูกแฮ็กหรือการละเมิด
• ประสิทธิภาพ: บล็อกเชนช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลและการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจและลูกค้า