Case Study: การใช้ Data Activation ในการปรับปรุงด้าน Logistics และ Supply Chain

Case Study การใช้ Data Activation ในการปรับปรุงด้าน Logistics และ Supply Chain

Case Study: การใช้ Data Activation ในการปรับปรุงด้าน Logistics และ Supply Chain

การใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในการปรับปรุงการจัดการคลังสินค้า Supply Chain

การจัดการคลังสินค้าเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของซัพพลายเชน การนำข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้ผ่านกระบวนการ Data Activation ช่วยให้บริษัทสามารถติดตามและจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ ซึ่งส่งผลให้การจัดเก็บสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการเก็บสต็อก

กรณีศึกษาของบริษัทที่ใช้ Data Activation:

  1. Amazon
    Amazon เป็นหนึ่งในบริษัทที่นำเทคโนโลยีข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้ในการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาใช้ระบบเซ็นเซอร์และ RFID เพื่อติดตามสินค้าคงคลังในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดเก็บ จนถึงการจัดส่ง ข้อมูลที่ได้รับถูกนำมาประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถลดความผิดพลาดในการจัดการสินค้า ลดเวลาที่ใช้ในการค้นหา และเพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
  2. Walmart
    Walmart ใช้แพลตฟอร์มข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อเชื่อมต่อระหว่างร้านค้า คลังสินค้า และซัพพลายเออร์ ข้อมูลจากการขายสินค้าถูกส่งไปยังคลังสินค้าและซัพพลายเออร์ทันที ทำให้สามารถเติมสินค้าที่ขาดแคลนได้อย่างรวดเร็ว ลดปัญหาสินค้าหมดสต็อก และลดต้นทุนการเก็บสต็อกที่เกินความจำเป็น
  3. Zara
    แบรนด์แฟชั่น Zara ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากร้านค้าทั่วโลกเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการซื้อของลูกค้า ข้อมูลนี้ถูกส่งกลับไปยังทีมออกแบบและผลิต ทำให้สามารถปรับการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยลดการเก็บสต็อกสินค้าที่ไม่จำเป็นและลดของเสียจากสินค้าที่ขายไม่ออก

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ Data Activation ในการติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์:

  • เพิ่มความแม่นยำในการจัดการสินค้า: ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการนับสต็อกด้วยมือหรือข้อมูลที่ล่าช้า
  • ปรับปรุงการตัดสินใจทางธุรกิจ: ข้อมูลที่ทันสมัยช่วยให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการสั่งซื้อ การจัดเก็บ และการจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน: ลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเก็บสต็อกเกินความจำเป็นหรือสินค้าค้างสต็อก
  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: การจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและมีสินค้าพร้อมจำหน่ายช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

การวางแผนเส้นทางการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

การใช้ Data Activation เพื่อวิเคราะห์เส้นทางขนส่งที่ดีที่สุด ช่วยลดระยะเวลาการขนส่งและค่าใช้จ่าย ทั้งยังเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในการจัดส่งสินค้า

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญ การนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนเส้นทางการขนส่งสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างมาก การใช้ Data Activation ทำให้บริษัทสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อหาเส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด

การใช้ Data Activation ในการวิเคราะห์เส้นทางขนส่ง

Data Activation คือการเปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจ การวิเคราะห์เส้นทางขนส่งด้วย Data Activation มีขั้นตอนดังนี้:

  • รวบรวมข้อมูลจราจรและสภาพถนนแบบเรียลไทม์: ข้อมูลจาก GPS, เซ็นเซอร์จราจร, และแหล่งข้อมูลออนไลน์
  • วิเคราะห์สภาพอากาศและปัจจัยภายนอก: ข้อมูลสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่ง
  • ประมวลผลด้วยอัลกอริทึมขั้นสูง: ใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการวิเคราะห์เชิงทำนาย (Predictive Analytics) เพื่อหาเส้นทางที่ดีที่สุด

ตัวอย่างกรณีศึกษา

กรณีของบริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่

บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่แห่งหนึ่งต้องการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง พวกเขาได้นำ Data Activation มาใช้โดย:

  • รวบรวมข้อมูลจาก GPS ของยานพาหนะ เพื่อทราบตำแหน่งและความเร็ว
  • ใช้ ข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรติดขัด
  • นำ ข้อมูลคำสั่งซื้อของลูกค้า มาวิเคราะห์เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการจัดส่ง

ผลลัพธ์คือ:

  • ลดระยะเวลาการขนส่งลง 15%: ด้วยเส้นทางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง: เนื่องจากระยะทางที่สั้นลงและการหยุดพักน้อยลง
  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: การจัดส่งตรงเวลาและสามารถติดตามสถานะได้

กรณีของบริษัทค้าปลีกที่มีสาขาทั่วประเทศ

บริษัทค้าปลีกรายหนึ่งประสบปัญหาสินค้าขาดสต็อกในสาขาต่าง ๆ เนื่องจากการขนส่งล่าช้า พวกเขาได้ใช้ Data Activation ในการ:

  • คาดการณ์ความต้องการสินค้า: โดยวิเคราะห์ข้อมูลการขายและแนวโน้มตลาด
  • วางแผนเส้นทางการขนส่ง: ใช้ข้อมูลจราจรและสภาพอากาศเพื่อเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุด
  • ปรับปรุงการสื่อสารกับผู้ขับขี่: โดยใช้แอปพลิเคชันที่อัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์

ผลที่ได้คือ:

  • ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกลง 25%
  • เพิ่มยอดขาย: เนื่องจากสินค้ามีพร้อมจำหน่ายตลอดเวลา
  • เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการสต็อกและการขนส่ง

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ Data Activation

  • ลดระยะเวลาการขนส่ง: ทำให้สินค้าถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น
  • ลดค่าใช้จ่าย: ทั้งในด้านเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษายานพาหนะ
  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: ด้วยการจัดส่งที่ตรงเวลาและสามารถติดตามได้
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร: เช่น การจัดสรรยานพาหนะและพนักงานอย่างเหมาะสม

การคาดการณ์ความต้องการสินค้าในช่วงเวลาต่าง ๆ

การคาดการณ์ความต้องการสินค้ามีบทบาทสำคัญในการจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่มีข้อมูลมากมาย การนำ Data Activation มาใช้ช่วยให้บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลและทำนายแนวโน้มความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ การคาดการณ์นี้สามารถทำได้ผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ข้อมูลยอดขายในอดีต ฤดูกาล หรือแม้แต่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถจัดการสต็อกสินค้าและกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ บริษัท Walmart ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการค้าปลีกระดับโลก Walmart ได้นำ Data Activation มาใช้ในการคาดการณ์ความต้องการสินค้าด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นยอดขายในอดีต ข้อมูลจากระบบ CRM รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ ฤดูกาล และเหตุการณ์พิเศษ เช่น วันหยุดเทศกาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าในแต่ละพื้นที่

Walmart ใช้อัลกอริทึม Machine Learning ในการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้สามารถทำนายแนวโน้มการซื้อของลูกค้าได้แม่นยำ ทำให้ Walmart สามารถจัดสรรทรัพยากรและปรับกระบวนการผลิตตามความต้องการที่แท้จริงของตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่มีพายุหรือหิมะตกหนัก ระบบคาดการณ์จะทำนายความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่ม และอุปกรณ์เตรียมรับมือกับภัยพิบัติ ทำให้ Walmart สามารถจัดเตรียมสินค้าในคลังสินค้าและร้านค้าปลีกได้เพียงพอกับความต้องการ ลดโอกาสในการขาดแคลนสินค้าและการเกิดสต็อกเกิน

จากการใช้ Data Activation ทำให้ Walmart สามารถเพิ่มความแม่นยำในการจัดการซัพพลายเชน ลดต้นทุนที่เกิดจากการเก็บสต็อกเกิน และยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในการได้รับสินค้าที่ตรงกับความต้องการในช่วงเวลาที่เหมาะสม

การลดความล่าช้าในซัพพลายเชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า Data Activation เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการตรวจจับปัญหาและแก้ไขการล่าช้าในกระบวนการซัพพลายเชนได้อย่างทันท่วงที โดยการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากหลากหลายแหล่งข้อมูล เช่น การติดตามสถานะการขนส่งของสินค้า การตรวจสอบสต็อกสินค้า และข้อมูลจากคู่ค้าหรือผู้จัดจำหน่าย

ตัวอย่างกรณีศึกษา: บริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำแห่งหนึ่งในยุโรปได้เผชิญกับปัญหาการล่าช้าในการขนส่งสินค้า เนื่องจากกระบวนการทำงานภายในซัพพลายเชนซับซ้อนและมีหลายขั้นตอนที่ต้องประสานงานกับคู่ค้า การล่าช้าในบางส่วนของซัพพลายเชนทำให้การขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้าล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าและต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

ทางบริษัทได้หันมาใช้ Data Activation โดยการรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ในซัพพลายเชน เช่น ข้อมูลการขนส่งของพาหนะ ข้อมูลจากระบบ GPS และข้อมูลเกี่ยวกับสต็อกสินค้า จากนั้นใช้ระบบวิเคราะห์แบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบสถานะของสินค้าในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการขนส่ง หากพบปัญหาหรือการล่าช้า ระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันที เช่น การเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง หรือการประสานงานกับคู่ค้าผู้จัดส่งรายอื่นเพื่อลดผลกระทบ

ผลลัพธ์จากการใช้ Data Activation นี้ทำให้บริษัทสามารถลดเวลาการล่าช้าในการขนส่งลงได้มากถึง 25% ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งแล้วยังเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าที่ได้รับสินค้าตรงเวลา ส่งผลให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การนำไปใช้ในเชิงปฏิบัติ:

  • การใช้ข้อมูลเรียลไทม์จากทุกส่วนในซัพพลายเชนทำให้สามารถติดตามสถานการณ์และตรวจสอบความผิดปกติได้ทันที
  • การใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเกิดปัญหา เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้รวดเร็ว
  • การวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละขั้นตอนเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและลดเวลาที่ไม่จำเป็น

การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความสัมพันธ์กับคู่ค้าทางธุรกิจ
การจัดการความสัมพันธ์กับคู่ค้าทางธุรกิจ เช่น ซัพพลายเออร์ ผู้จัดส่ง และผู้ผลิต เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของซัพพลายเชน ในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าและปรับปรุงกระบวนการทำงานร่วมกัน การใช้ Data Activation เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เกิดความเข้าใจและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การใช้ Data Activation ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลคู่ค้าจากหลายแหล่ง เช่น ข้อมูลการส่งสินค้า การผลิต และการจัดส่ง สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงการวางแผนและการจัดการซัพพลายเชน ซึ่งจะช่วยให้ซัพพลายเออร์และผู้จัดส่งสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างการใช้งาน Data Activation ในการจัดการความสัมพันธ์กับคู่ค้าทางธุรกิจ ได้แก่:

ตัวอย่าง:

กรณีศึกษาจากบริษัท A
บริษัท A ซึ่งเป็นบริษัทด้านการผลิตที่มีเครือข่ายซัพพลายเออร์ในหลายประเทศ ได้นำเทคโนโลยี Data Activation เข้ามาใช้ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของซัพพลายเออร์ผ่านระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ทำให้สามารถมองเห็นการทำงานของคู่ค้าได้อย่างชัดเจน ทั้งการส่งมอบสินค้า คุณภาพของสินค้าที่ได้รับ และความรวดเร็วในการดำเนินงาน

การใช้ข้อมูลนี้ช่วยให้บริษัท A สามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นกับซัพพลายเออร์ได้ทันที เช่น ปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบหรือคุณภาพสินค้าที่ต่ำกว่ามาตรฐาน นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ข้อมูลจากการประสานงานกับซัพพลายเออร์เพื่อปรับปรุงกระบวนการและแก้ไขปัญหาในเชิงรุก รวมถึงสร้างกลยุทธ์ร่วมกันในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการซัพพลายเชน

ผลลัพธ์ที่ได้รับ:

  1. การสื่อสารและการประสานงานที่ดีขึ้น: การใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้ทั้งบริษัท A และซัพพลายเออร์มีข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้รวดเร็วขึ้น
  2. ความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ: เมื่อเกิดปัญหาในซัพพลายเชน เช่น วัตถุดิบขาดแคลนหรือการผลิตล่าช้า บริษัทสามารถปรับแผนการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ได้ทันที ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการผลิตและการจัดส่ง
  3. การรักษาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง: ซัพพลายเออร์รู้สึกถึงการสนับสนุนจากบริษัท A ผ่านการใช้ข้อมูลร่วมกัน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

การปรับปรุงคุณภาพของบริการด้วยข้อมูลลูกค้า
การนำ Data Activation มาใช้ในด้านลอจิสติกส์ช่วยให้บริษัทสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากลูกค้าเพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของความพึงพอใจของลูกค้า เช่น การส่งของถึงมือลูกค้าตรงเวลาหรือความสะดวกในการติดตามพัสดุ บริษัทสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการระบุปัญหาและพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างกรณีศึกษา:

บริษัทขนส่งชั้นนำแห่งหนึ่งได้นำระบบ Data Activation มาปรับปรุงกระบวนการขนส่ง โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น ระบบติดตามสถานะพัสดุ ข้อเสนอแนะจากลูกค้า และข้อมูลจากการโทรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงคุณภาพการบริการ

ขั้นตอนที่ใช้ในการปรับปรุงคุณภาพบริการ:

  1. การรวบรวมข้อมูลลูกค้า:
    บริษัทได้ติดตั้งระบบติดตามพัสดุที่สามารถให้ลูกค้าตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลการติดตามพัสดุและคำวิจารณ์จากลูกค้าผ่านแบบสอบถามอัตโนมัติหลังการจัดส่งเสร็จสมบูรณ์
  2. การวิเคราะห์ข้อมูล:
    ข้อมูลที่ได้จากลูกค้าถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อระบุปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย เช่น พัสดุที่ส่งล่าช้าในบางพื้นที่ ปัญหาการขนส่งในช่วงเวลาที่มีปริมาณงานสูง และข้อเสนอแนะจากลูกค้าเกี่ยวกับการจัดส่ง
  3. การปรับปรุงกระบวนการขนส่ง:
    จากการวิเคราะห์ข้อมูล บริษัทได้ทำการปรับเส้นทางการจัดส่งใหม่ ลดเวลาการจัดส่งในพื้นที่ที่มีปัญหา และเพิ่มการสื่อสารกับลูกค้าในกรณีที่อาจเกิดความล่าช้า เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าพัสดุจะถึงมือภายในเวลาที่กำหนด
  4. การติดตามผลการปรับปรุง:
    หลังจากทำการปรับปรุงแล้ว บริษัทได้ทำการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องผ่านการรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น และความล่าช้าในการจัดส่งลดลง

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลูกค้าพึงพอใจกับการจัดส่งที่ตรงเวลาเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในช่วง 6 เดือนแรกหลังการนำระบบ Data Activation มาใช้
  • บริษัทสามารถลดเวลาการจัดส่งได้เฉลี่ย 20% ในพื้นที่ที่มีปัญหาความล่าช้า
  • การติดตามสถานะพัสดุที่แม่นยำและโปร่งใสช่วยลดจำนวนการโทรสอบถามจากลูกค้าลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

แล้วคุณจะรออะไรกันอยู่ล่ะ? ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณให้ก้าวไกลด้วยการใช้ SABLE—เครื่องมือที่จะช่วยให้การทำการตลาดของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแคมเปญ, การจัดการลูกค้า, หรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ทุกอย่างรวมอยู่ใน SABLE ที่จะทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น ประหยัดเวลา และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน 

 

เรามั่นใจว่าเครื่องมือของเราจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่สุดสำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต อย่าช้า! สมัครใช้งาน SABLE วันนี้ พร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษที่เราจัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้าใหม่ 

🔗คลิกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ 

💡 Get started 💡

เพื่อเริ่มต้นการทำการตลาดระดับโปรกับเราและพบกับการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้ธุรกิจของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!